วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ท่อง"ทะเลขนอม" ชมฝูงโลมา-สัมผัสความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำจืดกลางทะเล

แบ่งปัน


ช่องรูเล็ดสัญลักษณ์แห่งท้องทะเลขนอม
ปกติน้ำทะเลย่อมต้องเค็มถึงเค็มปี๋ 
       

       แต่ที่ "ทะเลขนอม" แห่งนครศรีธรรมราชนี่กลับมีบ่อน้ำจืดอยู่กลางทะเลเฉยเลย ซึ่งบ่อน้ำจืดกลางทะเลนี้หากเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติก็ถือว่าแปลกและน่าทึ่งพอสมควร แต่ถ้าเป็นปรากฏการณ์ เหนือธรรมชาติอันเกิดจากบุญญาธิการของหลวงปู่ทวดที่สามารถเหยียบน้ำทะเลให้จืดได้ ซึ่ง ณ วันนี้ยังคงพิสูจน์ไม่ได้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ว่ามันยิ่งน่าทึ่งเข้าไปใหญ่
      
       ฉะนั้นเมื่อมีคนมาชวนไปล่องเรือทะเลขนอมเราจึงรีบตอบตกลงในทันที เพราะรับรู้มานานแล้วว่าทะเลแห่งนี้นอกจากจะมีธรรมชาติสวยๆงามๆให้ชมแล้ว ยังมีสิ่งน่าสนใจและสิ่งแปลกตาที่น่าชมอยู่ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับเจ้าโลมาสีชมพูแห่งทะเลขนอมนี่ขึ้นชื่อลือชานัก
      
       ทันทีที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เดินทางมายังทะเลขนอม อ. ขนอม พร้อมกับหัวใจที่ร่ำร้องหาแต่"โลมาสีชมพู...อยู่หนใด" เราจึงไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปปฏิบัติภารกิจออนทัวร์ตามหาโลมาสีชมพูแห่งทะเลขนอม ซึ่งการที่จะได้เห็นโลมาสีชมพูนั้นก็ต้องนั่งเรือออกไปในทะเล โดยเราไปลงเรือกันที่จุดบริการเรือท่องเที่ยวตรงบ้านแหลมประทับ

ล่องเรือชมความงดงาม สัมผัสธรรมชาติท้องทะเลขนอม
       สำหรับเรือที่ใช้ล่องออกไปดูโลมานั้น ลักษณะเหมือนเรือของชาวบ้านที่ใช้หาปลา นั่งสบายสามารถจุคนได้ถึงลำละ 8 คน โดยเรือบางลำมีที่กันแดด บางลำก็ไม่มี (ซึ่งเรือลำที่เราได้นั่งช่างโชคดีน้อยไปหน่อย ไม่มีที่กันแดด จึงได้นั่งรับไอแดดและลมธรรมชาติแบบเต็มๆ)
      
       และเมื่อคนพร้อม เรือพร้อม ก็แล่นออกสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เรือลำน้อยพาเราแล่นไปบนเกลียวคลื่นระลอกแล้วละรอกเล่า ภาพของท้องน้ำทะเลอันสดใส ตัดกับภาพของเกาะแก่งจำนวนมาก ที่เรือแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ ทำให้เราได้สัมผัสกับความงดงามของท้องทะเลขนอมได้อย่างเต็มที่
      
       เรือยังคงแล่นฝ่าเกลียวคลื่นไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ แต่ว่าหัวใจของ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" มันกลับเต้นตรงข้ามกับเรือเสียเหลือเกิน เพราะสิ่งที่อยากเห็นนั้นก็ไม่ปรากฏกายออกมาเลย เรานั่งอยู่บนเรือด้วยใจอันจดจ่อว่าเมื่อไหร่หนอ เจ้าโลมาน้อยสีชมพูจะโผล่กายออกมาให้เห็น
      
       และ..แล้ว..ด้วยแรงปรารถนา (อันแรงกล้า) สิ่งที่เราอยากชื่นชมเสียเหลือเกิน ก็โผล่พ้นผืนน้ำทะเลขึ้นมาให้เห็นอยู่เบื้องหน้าลิบๆ คนขับเรือค่อยๆ แล่นเรือเข้าไปใกล้..ใกล้ จนในที่สุดก็ไปจอดลอยลำอยู่ใกล้กับจุดที่ฝูงโลมา พากันออกมาว่ายน้ำ และทักทายนักท่องเที่ยวอย่างเราด้วยความยินดี และยิ้มแย้ม (อันนี้คิดเอาเอง)

โลมาสีชมพูแห่งทะเลขนอมกระโดดเล่นน้ำ(ภาพ : ททท.)
       เจ้าโลมาตัวน้อยมีรูปร่างยาว ปากผอมยาว มีทั้งสีชมพู และสีเทา อยู่รวมกันหลายตัวเป็นฝูง พากันดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน คลอเคลียกันอย่างน่าเอ็นดูในท้องทะเล เรียกว่าไม่มีตัวไหนกลัวนักท่องเที่ยวเลย ทำให้เราได้ชื่นชมกับความน่ารักของโลมาสีชมพูและโลมาตัวอื่นๆอย่างจุใจ และเต็มอิ่มว่าในที่สุดเราก็ได้เห็นโลมาตามธรรมชาติที่ยังมีอยู่จริง ซึ่งก็ต้องขอชื่นชมชาวขนอมไว้ ณ ที่นี้ด้วย ที่ช่วยกันอนุรักษ์โลมาไว้ด้วยใจจริง
      
        "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ใช้เวลาดูความน่ารัก น่าเอ็นดู ของโลมาสีชมพูอยู่นานสองนานอย่างไม่เบื่อ และไม่ร้อน จนในที่สุดพวกมันก็ว่ายน้ำ โบกครีบบ้ายบายลาจากเราไปเอง ซึ่งเราก็ได้แต่โบกมือลาเจ้าโลมาน้อยเช่นกัน
      
       และหลังจากที่ได้ดูฝูงโลมาอย่างจุใจแล้ว การออกมาเที่ยวทะเลขนอมใช่ว่าจะจบลงเท่านี้เสียเมื่อไหร่ เพราะทะเลขนอมยังยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้เที่ยวชมอีก อย่างเช่นสิ่งมหัศจรรย์กลางทะเล ที่รอเราอยู่ยังจุดหมายปลายทางต่อไป ซึ่งเรือได้เบนหัวเรือเปลี่ยนทิศทางและตรงดิ่งไปยัง บ่อน้ำจืดกลางทะเล ที่ตั้งอยู่บนเกาะที่ชาวบ้านเรียกว่า "เกาะหลวงปู่ทวด"
        
บ่อน้ำจืดกลางทะเล ที่มาของตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
       เมื่อมาถึงยังเกาะ เราลงจากเรือแล้วเดินย่ำน้ำทะเลนิดหน่อยก็มาถึงยัง "บ่อน้ำจืดกลางทะเล"ที่มีลักษณะเป็นบ่อน้ำตามธรรมชาติขนาดเล็กๆ บ่อน้ำนี้จะเห็นก็ต่อเมื่อน้ำทะเลลดลงไป ซึ่งถ้ามองตามหลักวิทยาศาสตร์จากการสำรวจของนักธรณีวิทยาจะอธิบายว่า บริเวณดังกล่าวนี้เป็นรอยต่อของเปลือกโลก โดยเวลาที่น้ำทะเลขึ้นจะกลบบ่อมิดจนมองไม่เห็น กระทั่งน้ำทะเลลดลง น้ำจืดใต้ดินจะดันน้ำทะเลออกไปทำให้น้ำทะเลตรงนี้มีรสจืดกินได้
      
       แต่หากมองตามหลักความเชื่อและความศรัทธาของชาวบ้าน ก็จะบอกว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกับตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ที่ว่าเป็นรอยเท้าของหลวงปู่ทวดที่สร้างปาฏิหาริย์เอาไว้ เมื่อครั้งที่หลวงปู่ทวดได้มากับเรือสำเภาเพื่อเดินทางไปยังอยุธยา ระหว่างทางเรือเกิดขาดแคลนเสบียงและน้ำที่จะใช้ในเรือ คนในเรือเลยคิดจะปล่อยท่านมาลงที่เกาะนี้ แต่ท่านทราบโดยญาณในว่าท่านจะโดนปล่อยเกาะ และด้วยความที่ท่านโดยสารเรือเขามา ท่านก็เลยอยากจะให้อะไรตอบแทน เลยเดินไปเหยียบน้ำที่หิน แล้วพูดว่าน้ำทะเลตรงนี้จืดกินได้ให้เอาขึ้นไปบนเรือสำเภา ซึ่งลูกเรือไม่เชื่อก็เลยมาชิมดู ปรากฏว่าจืดจริงๆ เลยกราบท่านและเชิญท่านขึ้นไปบนเรือดังเดิม
      
       ส่วนอีกตำนานก็ว่าท่านถูกโจรสลัดจับขึ้นมาบนเรือ แล้วเรือก็เกิดขาดน้ำขึ้นมา ท่านเลยเหยียบกราบเรือแล้วยื่นเท้าเหยียบลงบนน้ำทะเล แล้วบอกว่าให้พวกโจรชิมดูว่าน้ำทะเลจืดสามารถกินได้ พอพวกโจรชิมดูก็จืดจริงๆ จึงพากันทึ่งในคุณอภินิหารของท่าน พากันหวาดเกรงจึงได้พากันกราบไหว้ขอขมาโทษแล้วนำท่านล่องเรือส่งกลับขึ้นฝั่ง
ความมหัศจรรย์ของแนวหินผาที่ดูเหมือนผ้าพับทับซ้อนกัน
       ถึงตรงนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็ได้พิสูจน์ด้วยลิ้นตัวเองเหมือนกัน โดยการชิมน้ำที่บ่อนี้ดูแล้วก็สัมผัสได้ถึงความอัศจรรย์ที่ว่าน้ำนั้นมีรสกร่อยๆจืดๆ ไม่เค็มจริงๆด้วย ผิดกับน้ำทะเลนอกบ่อที่เค็มแสบคอเลย
      
       และนั่นก็ทำให้ทุกวันนี้ชาวประมงที่ออกหาปลา หากน้ำหมดก็มักจะแวะมาเอาน้ำที่ตรงนี้ใช้ แล้วบางทีเกิดคลื่นลมก็สามารถมาหลบที่เกาะหลวงปู่ทวดได้ ซึ่งชาวประมงเชื่อกันว่าหลวงปู่ทวดจะช่วยให้คลาดแคล้วในทุกๆ อย่าง
      
       และนอกจากบ่อน้ำจืดแล้ว ด้านบนของเกาะยังมีทางเดินให้เดินขึ้นไปสักการะรูปจำลองหลวงปู่ทวดที่สร้างจากหินอ่อน ที่ประชาชนใน อ. ขนอมได้ร่วมใจกันสร้างขึ้น เพื่อระลึกถึงหลวงปู่ทวดและให้นักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ขอพร พร้อมกับชมวิวทะเลขนอมมุมสูงที่หากมองไปด้านหนึ่งจะเห็นช่อง “รูเล็ด” (ลอด)ที่เป็นดังสัญลักษณ์แห่งทะเลขนอม มีลักษณะเป็นเกาะ 2 เกาะตั้งประชิดกันมีช่องเล็กๆผ่ากลาง นับเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์อันแปลกตาของธรรมชาติที่นี่ ซึ่งหลัง "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ชมวิวอย่างจุใจแล้วก็ต้องลาจากเกาะหลวงปู่ทวดเพื่อกลับไปลงเรืออีกครั้ง
สาธุ...สาธุ...ลูกขอไหว้หลวงปู่ทวด
       เมื่อทุกคนลงเรือกันครบถ้วนหน้าเรือได้พาเราแล่นออกสู่ท้องทะเลอีกครั้ง เพื่อมุ่งตรงไปยังอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่รอให้เราไปยล นั่นคือ "เขาหินพับผ้า" ที่ธรรมชาติเป็นผู้สรรสร้างให้เกิดขึ้นมานานกว่า 265 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งเขาหินพับผ้านั้นมีลักษณะเป็นแนวหินผาอันแข็งแกร่ง ที่วางชั้นหินสลับทับซ้อนกันไปมา ราวเหมือนกับผ้าที่ถูกพับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ทั้งแนวเขา ดูแล้วสวยงามชวนอัศจรรย์ใจ
      
       และหลังจากที่ได้ชมแนวหินพับผ้ากันแล้ว คราวนี้เราลงเรือกันอีกครั้งและเรือก็เบนเข็มแล่นกลับไปยังทิศทางเดิมที่แล่นออกมาจากฝั่ง เพราะว่าได้เวลาที่ต้องกลับขึ้นฝั่งกันแล้ว ซึ่งตลอดเส้นทางที่เรือแล่นกลับไปนั้น "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้เห็นวิถีชีวิตการทำประมงของชาวขนอม ที่ทำประมงกันแบบยั่งยืนอิงแอบกับธรรมชาติ และรักษาทรัพยากรทางทะเลของพวกเขาไว้อย่างดีที่สุด
      
        "ผู้จัดการท่องเที่ยว" อดปลื้มใจไม่ได้ ที่การเดินทางมาเยือน อ. ขนอมในครั้งนี้ นอกจากจะได้ชมโลมาสีชมพู และชมสิ่งมหัศจรรย์มากมายที่เกิดขึ้นอยู่ในท้องทะเลขนอมแห่งนี้แล้ว สิ่งสำคัญที่เราได้ติดตัวติดใจกลับไป คือ จิตสำนึกรักบ้าน รักโลกที่เราอยู่ ว่าแต่นี้ต่อไปหากเราไม่ช่วยกันดูแลโลกอันน่าอยู่ใบนี้แล้ว ใครจะมาช่วยเรานอกจากพวกเราชาวโลกทุกคน ว่าจริงไหม??
      
        * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
        
       ทะเลขนอมอยู่ในความดูแลของ อุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ ส่วน "อ. ขนอม" จ.นครศรีธรรมราช ยังมีอ่าวและหาดทรายสวยๆ ที่น่าเที่ยวอีกเป็นจำนวนมาก อาทิ หาดในเพลา เป็นหาดที่ใหญ่ที่สุดใน อ.ขนอม มีชายหาดเป็นแนวโค้งยาวขนานกับภูเขา หาดทรายขาวเนียน เหมาะแก่การเล่นน้ำ, อ่าวท้องชิง เป็นอ่าวที่มีหาดทรายยาว รายล้อมด้วยสวนมะพร้าว มีความเป็นธรรมชาติสูง เหมาะแก่การมาตั้งแคมป์ และยังมีแหล่งดำน้ำดูปะการังและพันธุ์ปลา เช่นที่ เกาะราบ เกาะแตน เกาะวังใน ส่วนถ้าใครอยากเที่ยวภูเขาเข้าถ้ำ ก็มี ถ้ำเขาวังทอง เป็นถ้ำขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ภายในถ้ำมีความงดงามของหินงอก และหินย้อยให้ได้ชมกัน สนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ ททท. ภาคใต้เขต 2 โทร. 0-7534-6515 ถึง 6
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

เกี่ยวกับฉัน

Websiteที่รวบรวมการท่องเที่ยวดี ๆ ที่มีในประเทศไทยและต่างประเทศ