ถ้าจะให้ขับรถออกไปนอกกรุงเทพฯ ในระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร แล้วได้เจอกับธรรมชาติที่ยังสวยสดงดงาม มีความอุดมสมบูรณ์ และบรรยากาศที่สดชื่นเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี จะมีใครอยากไปบ้าง
“ตะลอนเที่ยว” ขอยกมือขึ้นสูงๆ เป็นคนแรกเลยแล้วกัน แหม…ใครบ้างจะไม่อยากใช้เวลาวันหยุดให้ผ่อนคลายแบบนี้บ้าง และเพื่อมาตามหาบรรยากาศดีๆ แบบที่ว่า “ตะลอนเที่ยว” ก็เลยจะพามาที่นี่“สวนผึ้ง” อำเภอหนึ่งใน จ.ราชบุรี ที่มีชายแดนติดกับประเทศพม่า และกำลังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของรีสอร์ทใหม่ๆ มากมาย
|
 |
หินงอกที่มีลักษณะคล้าย ฮก ลก ซิ่ว ในถ้ำเขาบิน |
|
 |
แต่ก่อนที่จะเข้าไปสวนผึ้งนั้น ขอแวะเที่ยวที่ อ.เมืองก่อนก็แล้วกัน เลี้ยวรถเข้ามาจอดกันที่ ถ้ำเขาบิน ที่โด่งดังในเรื่องหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ลักษณะเป็นถ้ำใต้ดิน ตั้งอยู่ในเทือกเขาบิน บริเวณรอบๆ ทางเข้าไปก็จะมีการตกแต่งสถานที่ด้วยพรรณไม้ต่างๆ นานา มีที่นั่งพักขา รับลมเย็นๆ
แต่ใครที่จะเดินเข้าไปชมด้านใน ก็ต้องเดินลงไปด้านในถ้ำอีกสักเล็กน้อย พอเข้าไปด้านในแล้วอาจจะรู้สึกมืดสักหน่อย แต่พอปรับสายตาได้แล้วก็จะมองเห็นความสวยงามของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ที่มีการจัดแสงสาดส่องไปยังบริเวณที่สำคัญๆ ให้ได้ดูชมกัน
|
 |
โป่งยุบ |
|
 |
ภายในถ้ำเขาบินนั้นมีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ ระยะทางในการเดินชมประมาณ 500 เมตร อ้อ…ก่อนที่จะเข้าไปชมกันนั้น ขอแนะนำก่อนว่า ไม่ควรเอามือไปสัมผัสกับหินงอกหินย้อยที่ยังมีชีวิตอยู่ สังเกตง่ายๆ ก็คือ หินที่ยังมีน้ำไหลลงมา หรือหยดลงมา เพราะความเค็มจากมือเราจะไปทำปฏิกิริยาให้หินงอกหินย้อยเหล่านั้นหยุดการเจริญเติบโตทันที ทีนี้ก็อาจจะไม่มีหินรูปทรงแปลกๆ ไว้ให้ดูกันอีกแล้ว
ภายในถ้ำแบ่งออกเป็น 8 ห้อง ตั้งชื่อคล้องจองกัน คือ โถงอาคันตุกะ ศิวะสถาน ธารอโนดาต สกุณชาติคูหา เทวสภาสโมสร กินนรทัศนา พฤกษาหิมพานต์ และอุทยานทวยเทพ ในแต่ละห้องก็จะมีหินงอกหินย้อยรูปทรงแปลกตาแตกต่างกันไปตามจินตนาการของผู้ค้นพบ เช่น หินรูปนกอินทรีย์สยายปีก หินรูปกินนร หินรูป ฮก ลก ซิ่ว เป็นต้น
|
 |
อีกหนึ่งมุมมองของโป่งยุบ |
|
 |
ออกจากถ้ำเขาบิน มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองสวนผึ้งกันเลยดีกว่า นั่งฟังเพลงในรถเพลินๆ สักพักก็มาถึงสถานที่น่าสนใจอีกแห่ง คือ โป่งยุบ ซึ่งมีลักษณะเป็นหลุมยุบ กระจายอยู่เป็นช่วงๆ ถ้าลงไปถ่ายรูปจากด้านล่าง อาจจะดูคล้ายๆ กับที่แพเมืองผี จ.แพร่ หรือที่ ละลุ จ.สระแก้ว แต่สำหรับที่นี่เรียกได้ว่าเป็นหลุมยุบน้องใหม่ เพราะเพิ่งเกิดได้ไม่กี่ปี ต่างจากที่แพะเมืองผี และละลุ ที่เกิดการยุบตัวมานานแล้ว
ก่อนจะเข้ามาชมที่นี่ ต้องเสียค่าเข้าชมด้วย เนื่องจากเป็นที่ดินส่วนบุคคลที่เปิดให้มาเข้าชม ข้อแนะนำอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าหากพาเด็กๆ มาด้วย ก็ต้องคอยดูแลให้ดี เพราะหลุมยุบแต่ละหลุมนั้นมีความลึกมาก ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายได้
|
 |
เด็กๆสนุกสนานในธารน้ำร้อนบ่อคลึง |
|
 |
เดินเข้าไปด้านในแล้วก็ยังมองไม่เห็นชัดเจนเสียทีเดียวว่าเป็นหลุมยุบ ต้องเดินตามเส้นทางที่ทำลาดลงไปก่อน ถึงจะเห็นว่าเกิดการยุบตัวมากจริงๆ จากพื้นดินที่ยุบลงไปแล้ว ต้องมองขึ้นไปจนคอตั้งถึงจะเห็นพื้นดินที่อยู่ด้านบน บริเวณรอบๆ ก็เป็นเหมือนเสาดิน สูงๆ ต่ำๆ มีลักษณะแตกต่างกันไป หลุมยุบที่นี่เกิดจากการที่ดินเลนที่อยู่ชั้นล่างสะสมน้ำเอาไว้จนขาดความแข็งแรง เมื่อน้ำใต้ดินไหลผ่านไปก็เลยพาเอาดินเหล่านั้นไปด้วย เกิดเป็นโพรงโล่งๆ อยู่ใต้ดิน เมื่อฝนตก พื้นดินด้านบนก็อุ้มน้ำเอาไว้จนเมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็จะยุบตัวลงไป
เดินดูหลุมยุบจากด้านล่างแล้ว ก็ไปเดินดูจากด้านบนบ้างว่าจะมีความแตกต่างกันยังไง ด้านบนนั้นเป็นพื้นดินธรรมดาๆ แต่เวลาเดินก็ต้องสังเกตหลุมดีๆ เพราะจะกระจายตัวกันอยู่รอบๆ ถ้าชะโงกหน้าลงไปดูก็รู้สึกเสียวๆ ได้เหมือนกันว่าถ้าตกลงไปแล้วคงจะขึ้นมาได้ยากแน่ๆ
|
 |
ต้นกำเนิดลำธารบ่อคลึง |
|
 |
รอดพ้นจากการเดินหลบหลุมกันได้แล้ว “ตะลอนเที่ยว” จะพาไปแช่น้ำร้อนกันให้สบายอุรา ที่ ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ที่มีให้เลือกทั้งแช่ตัว แช่เท้า หรือจะอาบกันให้สะใจเลยก็ได้ เมียงๆ มองๆ ดูแล้ว ยังตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะเลือกแบบไหน เลยขอเดินไปดูต้นกำเนิดของน้ำร้อนแห่งนี้ก่อนดีกว่า
เดินเล่นๆ ไปตามป้ายอีกประมาณ 150 เมตร ก็เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเราได้เดินมาถึงจุดต้นกำเนิดของน้ำร้อนกันแล้ว บริเวณนี้น้ำจะมีอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส และมีการต่อท่อลงไปด้านล่างเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แช่กันอย่างสบาย
|
 |
รีสอร์ทมนุษย์หินฟริ้นท์สโตน |
|
 |
ธารน้ำร้อนแห่งนี้ ค้นพบโดย นายประยูร โมนยะกุล เมื่อปี พ.ศ.2468 จกนั้นก็ได้มีการปรับปรุงสถานที่โดยรอบ และเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาพักผ่อนได้
ยืนร้อนอยู่แถวนั้นอยู่เป็นนาน ก็ยังไม่ค่อยได้กลิ่นกำมะถันเท่าไหร่ ไม่เหมือนที่น้ำพุร้อน หรือบ่อน้ำร้อนหลายๆ แห่ง ที่จะมีกลิ่นโชยบอกทางออกมาก่อน
|
 |
ฝ่าดงหมอกขึ้นเขากระโจม |
|
 |
ร้อนๆ กันมาแบบนี้ ก็คงต้องกลับเข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่ากันให้สบายตัว แต่รีสอร์ทในวันนี้ที่จะพาไป ไม่ใช่รีสอร์ทธรรมดาๆ เพราะว่าเป็นรีสอร์ทมนุษย์หินฟริ้นท์สโตน หรือ สวนผึ้งรีสอร์ท ที่นี่เขาทำบ้านพักให้เป็นตัวการ์ตูนจากเรื่องฟริ้นท์สโตน มีทั้งเฟรด บาร์นี่ ดีโน่ วิลม่า และเบ็ตตี้ ถ้าพาเด็กๆ มาที่นี่ ก็คงจะต้องอยากเข้าไปนอนในตัวการ์ตูนกันแน่ๆ
|
 |
ลุยน้ำขึ้นเขา |
|
 |
เช้าวันรุ่งขึ้น “ตะลอนเที่ยว” ตื่นตั้งแต่พระจันทร์ยังไม่ลับขอบฟ้า ยังเห็นดาวระยิบระยับอยู่รำไร ถึงจะเมาขี้ตาอยู่แต่ก็ยังมีสติคว้าเอาเสื้อตัวหนามาเตรียมสู้กับความหนาวบนยอดเขา อย่าเพิ่งแปลกใจ ว่าทำไมตอนนี้หนาวได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าฤดูหนาวเลยสักนิด ต้องบอกก่อนว่าเราจะพากันไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขากระโจม ที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นทั้งปี
|
 |
ยอดเขากระโจมที่ความสูง 1,040 เมตร |
|
 |
เขากระโจม เป็นแนวสุดเขตประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า มีเทือกเขาตะนาวศรีกั้นพรมแดนอยู่ แต่เดิมเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เนื่องจากมีชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มอาศัยอยู่แถบบริเวณนี้ แต่ในปัจจุบันนี้ก็เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว
|
 |
ยอดเขากระโจมจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นชั้นดี |
|
 |
เราเดินทางขึ้นเขากระโจมกันด้วยรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ เนื่องด้วยเส้นทางที่จะผ่านนั้นทั้งสูงชัน และสมบุกสมบัน บุกป่าฝ่าดง ลงน้ำ และฝ่าดงหมอก เพื่อขึ้นไปพบกับความสวยงามที่บนยอดเขาที่มีความถึงถึง 1,040 เมตร จากระดับน้ำทะเล นั่งกระบะหลังที่รถกำลังไต่ระดับความสูงขึ้นมาเรื่อยๆ อากาศรอบๆ ตัวก็เริ่มเย็นลง ทิวทัศน์รอบๆ ข้างก็เริ่มซ่อนตัวเข้าไปอยู่ในเมฆหมอกเช่นกัน
|
 |
ทะเลหมอกจางๆบนยอดเขากระโจม |
|
 |
จากที่ระดับ 800 เมตร 900 เมตร มาจนถึงที่ระดับ 1,040 เมตร ก็มาถึงบนยอดเสียที น่าเสียดายที่วันนี้ทั้งเมฆทั้งหมอกพร้อมใจกันมาบดบัง ทำให้เราไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่แสนสวยงาม แต่เราก็ได้มายืนหนาวสั่นกันอยู่บนยอดเขา จิบชากาแฟ ที่คุณพี่ ตชด. ชวนให้ชิม จากร้าน coffee แอนด์อากาศดีดี มีให้เลือกทั้ง ชา กาแฟ และโจ๊ก (คัพ) คร้าบบบบ…
|
 |
ร้านกาแฟบนเขากระโจม |
|
 |
พอสายๆ ได้ที่ ลงจากเขากระโจมแล้ว เราก็จะไปแช่น้ำเย็นๆ ให้ชื่นใจกันบ้าง หลังจากที่เมื่อวานแช่น้ำร้อนแก้เมื่อยกันไปแล้ว เดินทางไปที่ น้ำตกเก้าโจน หรือ น้ำตกเก้าชั้น ที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรีเป็นน้ำตกที่มีน้ำตลอดทั้งปี แต่จะมีมากหน่อยก็ในช่วงของฤดูฝน
จากชื่อของน้ำตก ก็แน่นอนว่าน้ำตกที่นี่ต้องมีทั้งหมด 9 ชั้น จากชั้นล่างสุด เดินไปจนถึงชั้นสุดท้าย ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ด้วยเรี่ยวแรงและเวลาที่มีในตอนนี้ ขอเดินขึ้นไปดูแค่ชั้นแรกก็แล้วกัน
เส้นทางเดินขึ้นไปชมน้ำตกนั้น รายรอบไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ทำให้ยิ่งเพิ่มความเย็นสบายและสดชื่นให้กับคนที่เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ และถึงแม้ช่วงที่เราไปนั้นจะมีน้ำไม่มากนัก แต่ก็ยังมองเห็นความสวยงาม และได้รับความเย็นฉ่ำจากสายน้ำธรรมชาติเหมือนกัน
|
 |
แกะน้อยในบ้านหอมเทียน |
|
 |
รับความสดชื่นกันมาแล้ว ก่อนจะกลับเข้ากรุงเทพฯ ขอมาแวะซื้อของฝากน่ารักๆ ที่ บ้านหอมเทียน ร้านขายเทียนหอมหน้าตาน่ารัก ที่ตกแต่งมุมต่างๆ ของร้านไว้อย่างน่ามอง เข้าไปในร้านแล้วจะได้กลิ่นหอมของเทียนหลากหลายชนิดตลบอบอวลอยู่ในอากาศ นอกจากจะซื้อหาเทียนมาเป้นของฝากแล้ว ก็ยังสามารถทำเทียนหอมได้ด้วยตัวเอง แล้วยังแวะเวียนไปถ่ายรูปในมุมต่างๆ ได้อีกด้วย
“ตะลอนเที่ยว” จบทริปนี้ด้วยความสุขใจ และแน่ใจว่าจะต้องกลับมาเยี่ยมเยือนเมืองสวนผึ้งอีกอย่างแน่นอน เพราะเมืองน่ารักแห่งนี้ยังติดตาตรึงใจอยู่มิรู้คลาย |