วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

11 ภัตตาคาร “วิวดีที่สุดในโลก

แบ่งปัน
นิตย สารทราเวล แอนด์ ลีเชอร์ เผยรายชื่อ 11 ภัตตาคารที่มี “วิวดี” ที่สุดในโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีภัตตาคารในประเทศไทยรวมอยู่ด้วย มาดูกันว่าจะมีที่ไหนบ้าง

ภัตตาคาร อาสิเอท (Asiate)  ในกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ภัตตาคารสุดหรูแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 35 ของ “โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล” ในกรุงนิวยอร์ก  เนื่องจากภายในมีผนังกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน (16 ฟุต) แขกที่มารับประทานอาหารจึงมองเห็นตึกระฟ้าย่านแมนฮัตตันและต้นไม้อันเขียว ชอุ่มภายใน “เซ็นทรัล ปาร์ค” ได้แบบเต็มๆ ส่วนอาหารที่เสิร์ฟภายในภัตตาคารแห่งนี้จะเป็นสไตล์ “คอนเทมโพรารี่ อเมริกัน” ที่มีกลิ่นอายเอเชีย ซึ่งปรุงโดยสุดยอดเชฟชาวเอเชียที่ประจำอยู่หลายคนด้วยกัน

หัวหน้าเชฟ “แบรนดอน คิดะ”

ภัตตาคารแอมโบรเชีย (Ambrosia) – เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่บนขอบปล่องภูเขาไฟ ในหมู่บ้านเอีย (Oia) บนเกาะซานโตรินี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุด  โดยแขกที่มารับประทานอาหารบริเวณลานด้านนอกจะได้เห็นวิวสวยๆ ของทะเลอีเจียนสีน้ำเงินเข้ม หมู่เกาะภูเขาไฟใหญ่น้อย และสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตาตามเชิงเขา  แต่โต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่กลางแจ้งจะเปิดให้บริการระหว่างเดือนเมษายน-ตุลาคม เท่านั้น และถ้าใครอยากมานั่งทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศดีๆ แบบนี้ก็ต้องจองโต๊ะเอาไว้ล่วงหน้าเป็นเวลา 1 เดือน


ภัตตาคารโรซเซลลินิส (Rosellinis) ในเมืองราเวลโล  ประเทศอิตาลี

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงราว 1,000 ฟุต (305 ม.) ภาย ในโรงแรมปาราซโซ ซัสโซ (Palazzo Sasso)  จึงให้มุมมองที่สวยงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอ่าวอามัลฟี่ โคสต์ แต่ถ้าไปถึงแล้วไม่ได้นั่งรับประทานอาหารบริเวณลานด้านนอก ลองติดต่อขอนั่งโต๊ะติดผนังกระจกภายในร้าน (ถ้าว่าง) ซึ่ง จะให้มุมมองที่สวยงามไม่แพ้กัน ส่วนอาหารที่นี่จะเป็นสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนระดับมิชลิน 2 ดาว แต่จะเปิดให้บริการเฉพาะมื้อเย็นถึงค่ำ ในช่วงกลางเดือนมีนาคม-ตุลาคมเท่านั้น


ภัตตาคาร เลอ จูลส์ เวิร์น (Le Jules Verne) บนหอไอเฟล กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่บนหอไอเฟล เหนือระดับพื้นดิน 410 ฟุต (125 ม.) จึงมองเห็นวิวที่สวยงามของกรุงปารีสได้กว้างไกลชนิดสุดลูกหูลูกตาทั้งในเวลา กลางวันและกลางคืน    ที่นี่จะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสทั้งแบบดั้งเดิมและสไตล์โมเดิร์น (แต่ไวน์ภายในร้านเป็นของฝรั่งเศสล้วนๆ) ถ้าใครอยากเข้าไปนั่งรับประทานอาหารพร้อมชมวิวสวยๆ ของกรุงปารีสที่ภัตตาคารแห่งนี้ ก็ควรจองโต๊ะเอาไว้แต่เนิ่นๆ โดยสามารถจองโต๊ะผ่านทางเว็บไซต์ของภัตตาคารได้ล่วงหน้านานถึง 3 เดือน


ภัตตาคารบ้านริมผา – จ. ภูเก็ต

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในบ้านไม้สัก ที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา จึงมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามจากหาดป่าตองถึงอ่าวกะหลิม และท้องทะเลอันดามันอันกว้างใหญ่สวยงาม สำหรับอาหารที่เสิร์ฟภายในร้านจะเป็นอาหารไทยตำรับชาววัง อาทิ แพนงเป็ด กุ้งโสร่ง ฯลฯ นอกจากส่วนของภัตตาคารแล้วภายในบ้านหลังนี้ยังมี ค็อกเทลบาร์,  ห้องเก็บไวน์, ลา โคมองช์ ซิการ์ & ไวน์บาร์, เดอะ คอลเลคชั่น และร้านจำหน่ายเครื่องประดับจากทุกทิศทั่วไทย


ภัตตาคารฟิลิกซ์ (Felix) ฮ่องกง

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 28 ของโรงแรมเพนนินซูล่า ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อว่า “ฟิลิปป์ แพทริค สตาร์ค” ด้วยเหตุที่มีผนังกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานจึงให้มุมมองที่สวยงามของตึกระฟ้า (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืนที่จะมองเห็นการแสดงเลเซอร์และแสงสีในช่วงเวลา 20.00 น.) อ่าววิคตอเรีย และแหล่งช้อปปิ้งย่านเกาลูน โดยมีอาหารหรูสไตล์คอนเทมโพรารี่ไว้คอยบริการ


ภัตตาคารอีเกิ้ล’ ส อาย (Eagle’s Eye) รัฐบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในรีสอร์ทที่มี ชื่อว่า “คิกกิ้ง ฮอร์ส” ในเมืองโกลเด้น   และเนื่องจากอยู่บนภูเขาที่มีความสูงถึง 7,700 ฟุต (2,347 ม.) เหนือระดับน้ำทะเล  จึงมองเห็นยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะมากกว่า 1,000 ยอดในบริเวณเทือกเขาเพอร์เซลล์, เซลเคิร์ก และเทือกเขาร็อกกี้
ที่นี่จะเสิร์ฟอาหารกลิ่นอายฝรั่งเศส และไวน์ที่ผลิตในรัฐบริติช โคลัมเบีย หากต้องการรับประทานอาหารเย็นท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก ก็ต้องเลือกจองโต๊ะข้างเตาผิงเบอร์ 24, 29, 36, และ 37 โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและปลายเดือนกันยายน เพราะจะได้เห็นวิวที่สวยงามของหิมะสลับกับสีเขียวชอุ่มของใบไม้ในแบบพาโนรา มา  ซึ่งภัตตาคารดังกล่าวจะเปิดให้บริการระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม  และเดือนธันวาคม-เทศกาลอีสเตอร์  (เดือนเมษายน) เท่านั้น


ภัตตาคารโกรอนโกโร่ เครเตอร์  ลอด์จ (Ngorongoro Crater  Lodge) ประเทศแทนซาเนีย

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในโรงแรม “โกรอนโกโร่ เครเตอร์  ลอด์จ” บนปากหลุมปล่องภูเขาไฟ (ชนิดที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์และไม่ถูกน้ำท่วมขังจนกลายเป็นทะเลสาปปล่องภูเขาไฟ) ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (มีเนื้อที่ 8,000 ตร.ก.ม.)
บริเวณดังกล่าวเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ ป่าที่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก และยังเป็นบ้านของสัตว์ป่าขนาดใหญ่มากกว่า 25,000 ตัว แขกที่มานั่งรับประทานอาหารสไตล์แอฟริกันภายในภัตตาคารแห่งนี้ จึงไม่เพียงมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าที่กว้างไกลสุดสายตา แต่ยังมองเห็นสัตว์ป่านานาชนิดออกมาหากินอย่างเป็นอิสระภายในทุ่งหญ้าดัง กล่าวอีกด้วย


ภัตตาคารเซียร์ร่า มาร์ (Sierra Mar) ในแถบบิ๊ก เซอร์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูง 1,200 ฟุต (366 ม.) ภายในโรงแรม “โพสต์ รานช์ อินน์” จึงให้มุมมองที่สวยงามของมหาสมุทรแฟซิฟิก ผาหิน และภูเขาเหนือชายฝั่งในแถบบิ๊กเซอร์ นอกจากภัตตาคารแห่งนี้จะมีผนังและหลังคากระจกใสที่ให้ความรู้สึกโล่งโปร่ง แล้ว ภายในยังเล่นระดับเพื่อให้แขกผู้มาเยือนได้มองเห็นวิวสวยๆ ทางด้านนอก ถึงแม้จะไม่ได้นั่งติดผนังกระกระจกก็ตาม
ที่นี่เปิดให้บริการทั้งอาหารเช้า (8.00-10.30 น.) กลางวัน (12.00-15.00 น. – หลังจากนั้นจะเสิร์ฟเฉพาะอาหารว่าง ซุป สลัด) และอาหารเย็น (17.30-21.00 น.) โดยอาหารที่เสิร์ฟจะผสมผสานระหว่างสไตล์เอเชีย ฝรั่งเศส และเมดิเตอร์เรเนียน  (หากไม่ใช่แขกของทางโรงแรมแต่ต้องการเข้าไปทานอาหารมื้อเย็นจะต้องจองโต๊ะล่วงหน้า)


ภัตตาคารแอล โทวาร์ ไดนิ่งรูม (El Tovar Dining Room) ในแกรนด์ แคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในโรงแรม “แอล โทวาร์” ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าผาทางด้านทิศใต้ของแกรนด์ แคนยอนราว 20 หลา (18 ม.) จึง ให้มุมมองที่สวยงามของหินผาหลากสีและหุบเหวอายุราว  2 พันล้านปี ที่นี่เสิร์ฟอาหารทั้งในสไตล์คอนเทมโพรารี่และอเมริกันขนานแท้ โดยจะเปิดบริการตลอดทั้งปี แต่โต๊ะติดผนังกระจกมักไม่ค่อยว่าง จึงต้องจองล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ (แขกของโรงแรมสามารถจองโต๊ะพร้อมห้องพักล่วงหน้าได้นาน 6 เดือน แต่ถ้าไม่ใช่แขกของโรงแรมสามารถจองโต๊ะล่วงหน้าได้นานสุด 30 วัน)


ภัตตาคารลา เชฟเวอร์ ดอร์ (La Chèvre d’Or)  ที่หมู่บ้านเอเซ่  ประเทศฝรั่งเศส

ภัตตาคารแห่งนี้อยู่บนภูเขาสูงเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนภายในโรงแรม “ชาโต้ เดอ ลา เชฟเวอร์  ดอร์” ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้าน “เอเซ่่” (Eze – หรือเอซ) จึงให้มุมมองที่สวยงามของย่าน “เฟรนช์ ริเวียร่า”  ตลอดจน ภูเขา น้ำทะเลสีคราม และบรรดาเรือยอชต์หรูที่แล่นผ่านไปมา
ที่นี่จะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสโดยพ่อครัว มิชลินระดับสองดาว โดยช่วงเวลาดีที่สุดในการมานั่งรับประทานอาหารพร้อมชมวิวสวยๆ ที่ภัตตาคารแห่งนี้ คือ ยามเย็นในช่วงฤดูร้อน แต่ถ้าคิดจะมานั่งทอดอารมณ์ชมวิวในคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงหน้าร้อนแล้วล่ะ ก็จะต้องจองล่วงหน้านาน 1 เดือน

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

เกี่ยวกับฉัน

Websiteที่รวบรวมการท่องเที่ยวดี ๆ ที่มีในประเทศไทยและต่างประเทศ